วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มอเตอร์ไซค์ BMW r26 - r27


BMW R26-R27.....กับเรื่องบางเรื่อง....
เมื่อวันที่ 2 ปีที่ผ่านมา


BMW R26-R27.....กับเรื่องบางเรื่อง....

                     จริงๆ แล้วผมอยากจะเขียน เกี่ยวกับเรื่อง มอเตอร์ไซค์ BMW สูบเดียว รวมกัน ทั้งหมด แต่คงจะเขียนรวดเดียวไม่ไหว เลยต้องแยกขอเขียนเกี่ยวกับ BMW R26-R27 ก่อน เนื่องจากในเมืองไทยนั้นมีรถสูบเดียว 2รุ่นนี้อยู่มากที่สุด จึงมักจะมีคำถามเกี่ยวกับรถ2รุ่นนี้มากไปด้วยเช่นกัน ผมจึงขอเขียนเกี่ยวกับรถสูบเดียว 2รุ่น นี้ก่อน (ถ้าว่างๆจะเขียนเกี่ยวกับรุ่นอื่นๆ ในครั้งต่อๆไป..หากมีโอกาส)

    
                      หลังจากสิ้นสุดสายการผลิต รถสูบเดียว ในนามโมเดล R25/3 ในปี 1956 แล้วนั้น.....ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวนั้น BMW ได้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ 2สูบรุ่นใหม่ออกมาแล้ว คือ R50, R60, R69 ซึ่งเริ่มผลิตมาตั้งแต่ปี1955 โดยถือว่าเป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุด คือได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่หมด จากสไตล์ “หน้ากระบอก-หลังสไลด์-เพลาเปลือย “มาใช้ระบบกันสะเทือนเป็นแบบสวิงอาร์มทั้งหมด ทั้งช่วงหน้าและช่วงหลัง รวมถึงเพลาก็เปลี่ยนจากระบบเพลาเปลือยเป็น ระบบเพลาหุ้ม ทำให้ รูปลักษณ์ภายนอกของมอเตอร์ไซค์BMW ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และมีระยะเวลายืนยาวจนทะลุยุค60’ เลยทีเดียว


                      เมื่อรถสองสูบ ได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ทางBMW จึงได้นำเอาระบบสวิงอาร์มดังกล่าวมาใส่ ในรถสูบเดียวด้วยเช่นกัน ในปี 1956 และให้ชื่อรหัสว่า BMW R26 และได้ทำการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ในปี1960 ซึ่งกลายมาเป็นรุ่น R27และใช้มาจนถึงกระทั่งปี 1966 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสายการผลิตรถสูบเดียวของ BMW R27


ข้อมูล ทั่วไป ของ BMW R26

เป็นรถสูบเดียววางตั้ง  ผลิตตั้งแต่ปี 1956-1960 จำนวน ทั้งสิ้น 30,236  คัน 
เลขเฟรม-เลขเครื่อง  เริ่มตั้งแต่   340001 ถึง  370236
เครื่องยนต์                             : 4จังหวะ 247cc. OHV. ให้แรงม้าที่ 15 แรงม้า ที่ 6,400 รอบต่อนาทีระบบจ่ายน้ำมัน                       : คาร์บูเรเตอร์ (“Bing” carburetor type 1/26/46)
ระบบครัช                               : เป็นแบบครัชแห้งแผ่นเดียว
ระบบเกียร์                              : 4เกียร์  
อัตราทดเฟืองท้าย                  : 25/6 (รถตัวเดี่ยว)

                                             : 26/5 (สำหรับลากSide car)
ระบบจุดระเบิด                        : จุดระเบิดด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่
ระบบกันสะเทือน                    : ทั้งหน้า และหลัง เป็นระบบสวิงอาร์มพร้อมด้วยโช๊คอัพ น้ำมัน
ขนาดล้อ                                : ทั้งล้อหน้า และหลัง เป็นล้อซี่ลวด ขนาด 2.15x18 
ขนาดยาง                               : ทั้งล้อหน้า และใช้ยาง ขนาด 3.25 x18 
ระบบเบรก                              : ทั้งล้อหน้า และหลัง เป็นระบบ Drum brake  
มิติตัวรถ                                 : 2090 x 660 x 975 mm. (ยาว xกว้าง xสูง)
ความจุถังน้ำมัน                     : 15 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ                         : 185 กิโลกรัม
อัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิง    : เฉลี่ย ประมาณ 3.3 ลิตร ต่อ 100กม.
อัตราการกินน้ำมันเครื่อง         : เฉลี่ย ประมาณ 0.5-1.0 ลิตร ต่อ 1,000กม.
ความเร็วสูงสุด                       : 128 กม./ ชม.(รถตัวเดี่ยว)


                  

        คราวนี้ เรามาว่ากันเรื่องที่เขาว่ากันว่า.......BMW R26นั้น เวลาขี่มันสั่นจนเจ็บมือ สั่นจนปวดแขน นั้นจริงหรือเปล่าครับ?? 

        ก็ขอตอบว่า มันก็จริงอยู่ ที่ว่าR26 นั้นมันสั่น แต่คงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ระบบการวางเครื่องของR26 นั้นยังใช้ระบบการยึดเครื่องแบบแกนร้อยผ่านตัวเครื่อง ซึ่งยังเหมือนกับ รุ่นก่อนหน้า ก็คือR25/3 ซึ่งเมื่อเวลาเครื่องยนต์ทำงาน มันจะมีอาการสั่นหรือสะเทือนของเครื่องยนต์เป็นปกติอยู่แล้ว  แต่เมื่อมันใช้ระบบยึดเครื่องยนต์ดังกล่าว  มันก็จะทำให้แรงสั่นสะเทือนนั้นกระจายขึ้นมาถึงตัวเฟรมของรถ ขึ้นมาถึงแผงคอ มาถึงแฮนด์ ก็เป็นเครื่องปกติ เพียงแต่ว่าความนิ่งความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ แต่ละคันจะต่างกันมากเท่าไหร่  หากคันไหนมีเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์มาก  นิ่งมาก ก็จะทำให้การสั่นสะเทือนนั้นมีน้อยเช่นกัน  ฉะนั้นเรื่องการสั่นสะเทือนของR26 นั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละคันจะมีมากหรือน้อยเท่าไร 
        ยิ่งบางคนเอาR26 มาเปรียบเทียบกับ R27 นั้น จริงๆแล้วผมไม่อยากให้เอามาเปรียบเทียบกันเลย เพราะมันเป็นรถคนละรุ่นกัน  เพียงแต่ว่าหน้าตารูปลักษณ์ภายนอกอาจจะจะใกล้เคียงกัน เครื่องยนต์จะเป็นสูบเดียวเหมือนกันก็ตาม  แต่ยังไงมันก็เป็นคนละรุ่นกันครับ ยิ่งโดยเฉพาะการสั่นสะเทือนนั้น ไม่ควรเอามาเทียบกันครับ เพราะระบบการวางเครื่องยนต์นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง  ฉะนั้นคนที่ขี่ R26 ก็คือขี่R26 ครับ มันจะกลายเป็นR27 ก็คงจะไม่ใช่  อยากนิ่มนวลขึ้น สั่นสะเทือนน้อยลง คงต้องหา R27 มาขี่ครับ หรือไม่ก็ไปหารถสองสูบมาขี่เลยดีกว่าครับนิ่มกว่าเยอะ......
       บางคนยิ่งหนักครับ ไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์ โบราณมาก่อนเลย หรือไม่ก็เคยแต่ขี่แต่รถญี่ปุ่น ซื้อ BMWคันแรกมาขี่ เป็นR26  เจอกับอาการสั่นสะเทือนเข้าไป เจอกับ เทคโนโลยี่ ของมอเตอร์ไซค์ อายุ 50ปี เข้าไป   ก็บ่นโน้น บ่นนี่ บ่นไปเรื่อยเปื่อย ถ้าเป็นคนสนิทๆ หรือซี้ๆ กัน....ผมจะบอกว่าไม่ต้องมาขี่R26 หรอกครับ กำเงินที่ต้องจ่ายสำหรับ R26 ไปซื้อ Wave หรือซื้อ FINO มาขี่ดีว่าครับ ซื้อได้ตั้งหลายคันด้วยซ้ำ.......

        

           ปัญหาอีกอย่างนึง ของ BMW R26 ที่พบเจอบ่อยๆ คือเรื่องระบบไฟ  อันได้แก่ ระบบไฟจุดระเบิด และระบบไฟชาร์จ  ที่หนักหน่อยคือเรื่องระบบไฟชาร์จ  เนื่องจากรถมีอายุกว่า50ปีแล้ว ระบบไฟของเดิมซึ่งเป็นระบบไฟ 6 volt  ที่ผ่านการใช้งานมายาวนาน รวมถึงอายุอานามของชุดไฟเอง ส่วนใหญ่ก็จะมีปัญหา คือเริ่มเสื่อม ไม่สามารถทำงานได้ดั่งที่ควรจะเป็น จึงต้องได้รับการแก้ไข-ซ่อมแซม แต่ปัญหาที่สำคัญก็คือจะหาช่างที่ซ่อมระบบไฟเดิมดังกล่าว ให้เหมือนเดิม หรือให้มีประสิทธิภาพเท่าเดิม ได้หรือเปล่า บางครั้งการซ่อมชุดไฟเดิม ของรถสูบเดียวนี้ ซ่อมไปซ่อมมา 2-3 รอบ ก็ยังไม่จบซักที จนทำให้เจ้าของรถบางคันถึงกับท้อ ถึงกับจอดทิ้ง หรือขายทิ้งกันเลยทีเดียว  จึงเป็นที่มาของการแปลงไฟ  จากระบบเดิม 6volt  มาเป็น ระบบ12 volt  
              อีก อย่างคือเรื่องคาร์บูเรเตอร์ครับ เดิมๆจะใช้คาร์บูฯ ของ Bing รหัส 1/26/46 หรือบางทีก็จะใช้ ของ R27 บ้าง (คือ Bing รหัส 1/26/68)  คาร์บูเรเตอร์ ของทั้งR26-R27 นับถึงวันนี้  อายุอานามก็มากแล้ว และส่วนใหญ่ก็มักจะมีปัญหา  นอกจากบางคันที่โชคดี ที่คาร์บูฯเดิม ยังสภาพดี ใช้ได้ อาจจะเนื่องมาจาก เป็นรถที่ไม่ค่อยได้ใช้ หรือมีการบำรุงรักษามาอย่างดี จึงทำให้คาร์บูฯ จึงยังมีคุณภาพดีและใช้ได้มาจนถึงปัจจุบัน  แต่สำหรับ รถที่คาร์บูฯเริ่มเสื่อมแล้ว และไม่สามารถซ่อมแซมได้แล้ว โดยทั่วไปที่เห็นๆมาก็มักจะหาคาร์บูฯของรถรุ่นอื่นๆมาทดแทน เนื่องจากคาร์บูฯ ของR26-R27 ตรงรุ่นและเป็นของใหม่นั้น ไม่มีการผลิตแล้ว ทางออกก็คือ ถ้าเราไม่สามารถหาคาร์บูฯ แท้ตรงรุ่นของมือสอง มาทดแทนได้ ก็จำเป็นจะต้องหาคาร์บูฯของรถญี่ปุ่น หรือจะเป็นคาร์บูฯของBing ที่ใช้สำหรับรถรุ่นอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน มาทดแทนกัน 
              หลัง จากทางBMW ผลิตR26 ออกมาและเป็นที่นิยมจนขายได้มากกว่า 3หมื่นคัน ในช่วงเวลาแค่4ปี ถึงคราวที่ทางBMW จะต้องปรับเปลี่ยนหรือเรียกง่ายๆว่า “model change”   โดยนำเอาจุดด้อยหลักๆของR26 มาปรับปรุง-แก้ไข และให้ชื่อโมเดล ใหม่ว่า R27 ซึ่งถือว่า เป็นสุดยอดของมอเตอร์ไซค์สูบเดียว ในนามของBMW  ในยุคคลาสสิค  เลยทีเดียว

        
           BMW R27 ได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง จากรุ่นR26 หลายอย่างทีเดียว โดยเฉพาะเครื่องยนต์ จากเดิม BMW R26 ใช้รหัสเครื่อง 226/1  BMW ได้ออกแบบเครื่องยนต์ใหม่มาเพื่อใช้สำหรับ R27 โดยเฉพาะ โดยเรียกรหัสเครื่องยนต์บล็อกว่า 226/2  โดยมีการเปลี่ยนแปลงการวางเครื่องบนเฟรม เปลี่ยนแปลง อัตราทด ทำให้ได้แรงม้ามากขึ้น 3แรงม้า  จากเครื่องของR26  
เมื่อเครื่องยนต์ ได้รับการเปลี่ยนแปลง แล้ว เฟรมของR27 ก็ต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเพื่อรองรับเครื่องยนต์ใหม่ โดยหลักๆแล้วได้มีการออกแบบการรองรับเครื่องจากการยึดเครื่องกับเฟรมด้วยการ ร้อยผ่านเฟรม  มาเป็นแบบใหม่ โดยการวางเครื่องแบบมีแท่นลูกยางรองรับแท่นเครื่อง  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ในR27 

   
ข้อมูล ทั่วไป ของ BMW R27

เป็นรถสูบเดียววางตั้ง  ผลิตตั้งแต่ปี 1960-1966 จำนวน ทั้งสิ้น 15,364  คัน 
เลขเฟรม-เลขเครื่อง  เริ่มตั้งแต่   372001 ถึง  387566
เครื่องยนต์                             : 4จังหวะ 247cc. OHV. ให้แรงม้าที่ 18 แรงม้า ที่ 7,400 รอบต่อนาทีระบบจ่ายน้ำมัน                       : คาร์บูเรเตอร์ (“Bing” carburetor type 1/26/68)
ระบบครัช                               : เป็นแบบครัชแห้งแผ่นเดียว
ระบบเกียร์                              : 4เกียร์ 
อัตราทดเฟืองท้าย                 : 25/6 (รถตัวเดี่ยว)

                                            : 26/5 (สำหรับลากSide car)
ระบบจุดระเบิด                       : จุดระเบิดด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่

ระบบกันสะเทือน                   : ทั้งหน้า และหลัง เป็นระบบสวิงอาร์มพร้อมด้วยโช๊คอัพ น้ำมัน
ขนาดล้อ                              : ทั้งล้อหน้า และหลัง เป็นล้อซี่ลวด ขนาด 2.15x18 
ขนาดยาง                             : ทั้งล้อหน้า และใช้ยาง ขนาด 3.25 x18 
ระบบเบรก                            : ทั้งล้อหน้า และหลัง เป็นระบบ Drum brake  
มิติตัวรถ                               : 2090 x 660 x 975 mm. (ยาว xกว้าง xสูง)
ความจุถังน้ำมัน                     : 15 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ                         : 162 กิโลกรัม
อัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิง    : เฉลี่ย ประมาณ 3.9 ลิตร ต่อ 100กม.
อัตราการกินน้ำมันเครื่อง         : เฉลี่ย ประมาณ 0.5-1.0 ลิตร ต่อ 1,000กม.
ความเร็วสูงสุด                       : 130 กม./ ชม.(รถตัวเดี่ยว)

     
    

          BMW R27 นั้น ถือว่าเป็นสุดยอดของรถสูบเดียว ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น แต่ทว่า จุดด้อยก็ยังคงมีอยู่แม้จะทำการแก้ไขเรื่องการสั่นสะเทือนที่มีใน R26 มาแล้วนั้น จุดด้อยดังกล่าว ก็ยังคงเป็นเรื่องระบบไฟ และคาร์บูฯ เหมือนกับ R26 
อย่าง ที่บอกไป แล้วครับ เรื่องชุดไฟ ของR26-R27 เนี่ย มักจะมีปัญหา  แต่สำหรับท่านที่คิดจะแปลงไฟ จาก6volt เป็น12volt นั้น ผมมีข้อสังเกตให้ว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้แปลงเฉพาะชุดชาร์จ เท่านั้น  ส่วนชุดจุดระเบิดอยากให้ใช้ระบบเดิม ที่เป็นระบบ ทองขาว-กาวนา ครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับ ความสามารถและเทคนิคของช่าง แต่ละคน ที่สำคัญอยู่กับความต้องการและแนวคิดของเจ้าของรถด้วย

          

            ส่วนเรื่องคาร์บูเรเตอร์นั้น ถ้าหา แบบตรงรุ่นมาใช้ได้ก็จะเป็นการดีที่สุดครับ  ไม่ว่าจะเป็นของมือหนึ่ง (ซึ่งหายากมากๆ ถึงมากที่สุด) หรือของมือสองสภาพดีๆ  แต่ก็อีกแหล่ะครับ บางครั้งเราอาจจะหาไม่ได้ หรือมีข้อจำกัดเรื่องอื่นๆ เช่น ราคา ,ความเสี่ยงของคาร์บูฯมือสอง ค่อยมามองตัวเลือกต่อไป เช่นคาร์บูฯที่ใกล้เคียงกับของเดิม หรือ รุ่นที่ใกล้เคียงกัน พวกคาร์บูฯ Bing ที่ใส่กับเรือ หรือที่ใส่กับรถ BMW Isetta หรือจะเป็น คาร์บูฯที่ใส่กับรุ่นอื่นๆ เช่น พวกBMW R50/5 ,R60/5 โดยอาจจะต้องมาลดหรือเพิ่มขนาดของนมหนู และต้องปรับแต่ง-จูนให้เหมาะสมกับสภาพเครื่องยนต์ ของเรา ส่วนตัวเลือกสุดท้าย ก็จะเป็นการแปลงเอาคาร์บูฯ จากรถรุ่นอื่นๆ มาใส่เลยเช่นอาจะเป็นคาร์บูฯของรถสายพันธุ์ญี่ปุ่น รุ่นต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้ทักษะและความชำนาญของช่างเช่นกัน  แต่ผมอยากจะให้การแปลงแบบใช้คาร์บูฯญี่ปุ่นนี้ เป็นตัวเลือกสุดท้ายครับ

   

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ



พิธีลงจอบปฐมฤกษ์สร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2477
โดยเจ้าแก้วนวรัฐ เป็นผู้ลงจอบปฐมฤกษ์



ทางเดินขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ 

        ในสมัยก่อน การขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกิน เพราะไม่มีถนนสะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน ทางเดินก็แคบๆ และ ไม่ราบเรียบ ต้องผ่านป่าเขาลำเนาไพร และปีนเขาต้องใช้เวลายาวนานถึง 5ชั่วโมงกว่า จนมีคำกล่าวขานกันทั่วไปในสมัยนั้นว่า ถ้าไม่มีพลังบุญและศรัทธาเลื่อมใสจริงๆ ก็จะไม่มีโอกาสได้กราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพ
          ในปี พ.ศ.2477 (ค.ศ.1934) ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย มาจากวัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน เป็นผู้เริ่มดำเนินการสร้างถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ โดยมีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยนั้น เป็นผู้เริ่มขุดดินด้วยจอบเป็นปฐมฤกษ์ ตรงที่หน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ปัจจุบัน ใกล้ๆ กับบริเวณน้ำตกห้วยแก้ว โดยเริ่มสร้างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477


พิธีเปิดใช้ถนน เมื่อ 30 เมษายน 2478 ซึ่งครูบาศรีวิชัยและเจ้าแก้วนวรัฐนั่งรถขึ้นดอยเป็นครั้งแรก


ครูบาศรีวิชัย เจ้าแก้วนวรัฐและพระภิกษุสงฆ์ ประชาชน ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่บันใดนาค เมื่อ 30 เมษายน 2478
ฝูงชนอาสาร่วมสร้างถนน          เมื่อข่าวการสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพได้แพร่สะพัดไปยังจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ ชาวพุทธผู้เลื่อมใสในครูบาศรีวิชัย ต่างทยอยกันมาจากทั่วสารทิศจนเต็มบริเวณเชิงดอยหมด เพื่อมาร่วมสละแรงงานช่วยสร้างถนน โดยไม่มีค่าจ้างใดๆ ทั้งสิ้น วันๆ หนึ่งจะมีประชาชนมาร่วมสร้างถนนประมาณ 3-4 พันคนจากทั่วทุกจังหวัดภาคเหนือ รวมไปถึงอุตรดิตถ์-พิษณุโลก ปริมาณคนงานที่มาช่วยมีมากเกินความต้องการครูบาศรีวิชัยจึงได้กำหนดให้สร้างถนนหมู่บ้านละ 10 วาเท่านั้น และต่อมายังได้ลดลงอีกเหลือประมาณหมู่บ้านละ 2 วา 3 วา เพราะมีคนมาขอร่วมแรงงานสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ
         นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากที่การสร้างถนนบนภูเขายาวถึง 11 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 5 เดือนกับอีก 22 วัน ทั้งๆ ที่อุปกรณ์การสร้างทางมี เพียงจอบ และเสียม เท่านั้น อุปกรณ์ทันสมัย เช่นในปัจจุบันยังไม่มีพิธีเปิดใช้ถนนใหม่ได้เริ่มเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2478 หรือ ค.ศ.1935 โดยท่านครูบาศรีวิชัย เป็นคนแรกที่นั่งรถยนต์ขึ้นดอยสุเทพตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา 
 

อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย 
          ครูบาศรีวิชัย เป็นพระเถระที่ชาวล้านนาไทยให้ความเคารพนับถือมากที่สุด ทุกวันนี้พวกเราจะสามารถเดินทางขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพได้อย่างสะดวกสบายดี เมื่อพวกเราขึ้นไปจะผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ซึ่งตั้งอยู่ที่เชิงเขาข้างทางด้านล่างนั้น อย่าลืมหยุดนมัสการท่าน หรืออย่างน้อยก็หยุดสงบใจระลึกถึงพระคุณของท่านครูบาเจ้า เพราะท่านเป็นผู้ที่เสียสละอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะชาวล้านนาไทย รวมถึงพระพุทธศาสนาอีกด้าย